What is Full Funnel Marketing Strategies with Example

วิธีสร้างกลยุทธ์การตลาดแบบ Full Funnel ให้ประสบความสำเร็จ

เมื่อคนส่วนใหญ่คิดถึงการตลาด พวกเขามักจะนึกถึง การเข้าถึง (Reach) การรับรู้ (Awareness) และการมองเห็น (Visibility) แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งสำคัญ แต่การมุ่งเน้นเฉพาะช่วง เริ่มต้นของช่องทางการขาย (TOFU) มักนำไปสู่ปัญหาที่ลูกค้าเป้าหมายอาจเลิกซื้อก่อนที่จะเปลี่ยนใจ กลับมาซื้อซ้ำ หรือบอกต่อ ความจริงก็คือ แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอีคอมเมิร์ซหรือบริการ ล้วนผ่านทุกขั้นตอนของช่องทางการขาย ได้แก่ การรับรู้ (Awareness) การพิจารณา (Consideration) การแปลง (Conversion) การรักษาลูกค้า (Retention) และการสนับสนุน (Advocacy)

บล็อกนี้จะเจาะลึกทุกขั้นตอน อธิบายว่าทำไมจึงสำคัญ และแบ่งปันกลยุทธ์ที่ธุรกิจสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงเพื่อสร้างผลกระทบสูงสุด เมื่ออ่านจบ คุณจะเข้าใจว่าทำไมการมุ่งเน้นที่มากกว่าแค่ TOFU และ MOFU จึงเป็นเคล็ดลับสู่การขยายธุรกิจอย่างยั่งยืน

Marketing Funnel คืออะไร?

ช่องทางการตลาดเป็นตัวแทนของเส้นทางลูกค้าตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาพบแบรนด์ของคุณ ไปจนถึงตอนที่พวกเขากลายเป็นผู้สนับสนุนที่ภักดี แต่ละขั้นตอนมีวัตถุประสงค์ กลยุทธ์ และเครื่องมือเฉพาะตัว การละเลยขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งจะนำไปสู่การใช้จ่ายที่สูญเปล่าและสูญเสียโอกาส

ต่อไปนี้เป็น 5 ขั้นตอนของช่องทางการขายสมัยใหม่:

1. Awareness (Top of Funnel - TOFU)

2. COnsideration (Middle of Funnel – MOFU)

3. Conversion (Bottom of Funnel – BOFU)

4. Retention 

5. Advocacy

1. Awareness (Top of Funnel – TOFU)

เป้าหมาย: เข้าถึงและดึงดูดลูกค้าที่มีศักยภาพรายใหม่

การสร้างการรับรู้เป็นก้าวแรกที่ทำให้แบรนด์ของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้อง แต่การมองเห็นเพียงอย่างเดียวไม่ได้รับประกันยอดขาย แต่มันเป็นเพียงแค่การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีเท่านั้น

กลยุทธ์หลัก:

  • โฆษณาโซเชียลแบบชำระเงิน (Meta, TikTok, YouTube pre-roll)
  • เนื้อหาและคำแนะนำบล็อกที่ปรับให้เหมาะกับ SEO
  • โพสต์โซเชียลมีเดียที่ให้ความบันเทิง/ให้ความรู้
  • แคมเปญประชาสัมพันธ์ สปอนเซอร์ กิจกรรมต่างๆ
  • ความร่วมมือระหว่างผู้มีอิทธิพลและผู้สร้าง
  • การโฆษณาแบบแสดงและแบบโปรแกรม

ตัวอย่าง:

อีคอมเมิร์ซ: วิดีโอ TikTok แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวช่วยรักษาสิวได้อย่างไร
แบบบริการ: บทความ LinkedIn โดยผู้ก่อตั้งที่แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกของอุตสาหกรรม

ทำไมจึงสำคัญ: การสร้างการรับรู้ช่วยสร้างยอดขายสูงสุดให้กับธุรกิจของคุณ หากปราศจากสิ่งนี้ คุณจะไม่มีลูกค้าเป้าหมายให้ดูแล แต่การสร้างการรับรู้ที่ปราศจากการติดตามผล = การใช้จ่ายโฆษณาที่สูญเปล่า

กลยุทธ์การตลาดแบบ Top of Funnel ของเต้าหู้

2. Consideration(Middle of Funnel – MOFU)

เป้าหมาย: ให้ความรู้ ปลูกฝัง และสร้างความไว้วางใจ

ในขั้นตอนนี้ ลูกค้าจะรู้จักคุณแล้ว แต่กำลังประเมินว่าคุณเหมาะสมกับคุณหรือไม่ นี่คือจุดที่คุณแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญ ความน่าเชื่อถือ และคุณค่า

กลยุทธ์หลัก:

  • โฆษณาแบบกำหนดเป้าหมายใหม่ (ผู้เยี่ยมชมไซต์ ผู้ร่วมกิจกรรมทางโซเชียล)
  • ลำดับการบ่มเพาะอีเมลพร้อมเนื้อหาการศึกษา
  • กรณีศึกษา คำรับรอง บทวิจารณ์
  • เว็บสัมมนา การสาธิตสด หรือเวิร์กช็อปฟรี
  • หน้าเปรียบเทียบ/คู่แข่ง
  • แม่เหล็กนำทาง: อีบุ๊ก เอกสารเผยแพร่ รายการตรวจสอบ

ตัวอย่าง:

อีคอมเมิร์ซ: กำหนดเป้าหมายผู้ใช้ที่ดูผลิตภัณฑ์อีกครั้งด้วยโฆษณาแบบหมุนพร้อมรีวิวจากลูกค้า
บริการตามฐาน: เสนอคำปรึกษาฟรีหรือเครื่องคำนวณ ROI

ทำไมจึงสำคัญ: การพิจารณาคือสิ่งที่คุณพิสูจน์ได้ว่าคุณน่าเชื่อถือ หากไม่มี MOFU ที่แข็งแกร่ง ลูกค้าเป้าหมายจะสูญเสียความสนใจและหันไปหาคู่แข่ง

MOFU กลยุทธ์การตลาดแบบกลางช่องทาง

3. Conversion (Bottom of Funnel – BOFU)

เป้าหมาย: เปลี่ยนความสนใจให้เป็นลูกค้าที่ชำระเงิน

นี่คือช่วงเวลาสำคัญ หลายเอเจนซี่มีผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ BOFU คือจุดที่ ROI อยู่ กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยลดความขัดแย้งและการคัดค้าน พร้อมกับให้เหตุผลแก่ลูกค้าในการดำเนินการทันที

กลยุทธ์หลัก:

  • ข้อเสนอจำกัดเวลา การกระตุ้นความเร่งด่วน และการจัดส่งฟรี
  • การกู้คืนรถเข็นที่ถูกละทิ้ง (อีเมล, SMS, การแจ้งเตือนแบบพุช)
  • การสาธิตผลิตภัณฑ์ การทดลองใช้ฟรี หรือการโทรติดต่อเชิงกลยุทธ์
  • หน้า Landing Page ส่วนบุคคลที่มี CTA ที่แข็งแกร่ง
  • แชทบอทหรือตัวแทนสดที่จัดการการคัดค้าน
  • รับประกันคืนเงินหรือทดลองใช้ฟรีเดือนแรก

ตัวอย่าง:

อีคอมเมิร์ซ: ตัวนับเวลาถอยหลังในการชำระเงินพร้อมรหัสส่วนลด
ตามบริการ: โทรปรึกษาเชิงกลยุทธ์หรือแคมเปญทดลองใช้ฟรี 30 นาที

ทำไมจึงสำคัญ: คุณอาจใช้เงินหลายล้านเพื่อสร้างการรับรู้ แต่หากอัตราการแปลงลูกค้า (Conversion) ต่ำ คุณก็กำลังสูญเสียเงินไป การเพิ่มประสิทธิภาพในขั้นตอนนี้จะช่วยลด CAC (ต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้า) โดยตรงและเพิ่มรายได้

BOFU กลยุทธ์การตลาดแบบ Bottom of the Funnel

4. Rentention (หลังการซื้อ / หลังการบริการ)

เป้าหมาย: ทำให้ลูกค้ามีส่วนร่วมและซื้อซ้ำอีกครั้ง

การรักษาลูกค้าคือจุดที่ธุรกิจหลายแห่งทำพลาด การหาลูกค้าใหม่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการรักษาลูกค้าเดิมถึง 5-7 เท่า แบรนด์ที่เชี่ยวชาญเรื่องการรักษาลูกค้าจะขยายธุรกิจได้เร็วกว่า เพราะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพมูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้า (LTV) ได้สูงสุด

กลยุทธ์หลัก:

  • โปรแกรมความภักดีและการอ้างอิง
  • อีเมลหลังการซื้อ (ขอบคุณ, คำแนะนำการใช้งาน, การให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์)
  • แคมเปญการขายแบบไขว้และการขายเพิ่ม
  • การสมัครสมาชิกและการเป็นสมาชิก
  • การสร้างชุมชน (กลุ่ม Facebook, คลับพิเศษ)
  • บริการลูกค้าระดับดาวพร้อมการสนับสนุนเชิงรุกที่รวดเร็ว

ตัวอย่าง:

อีคอมเมิร์ซ: ระบบเตือนการสั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค (กาแฟ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว) อัตโนมัติ
ตามการบริการ: การตรวจสอบรายเดือนพร้อมรายงานผลการปฏิบัติงานและคำแนะนำโบนัส

เหตุใดจึงสำคัญ: การรักษาลูกค้า (Revenue) ช่วยเพิ่ม LTV และสร้างกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้ นอกจากนี้ยังทำให้การขยายขนาดการใช้จ่ายโฆษณามีความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากลูกค้าแต่ละรายสร้างรายได้มากขึ้น

การรักษาไว้เพื่อกลยุทธ์ทางการตลาด

 

5. Advocacy (เปลี่ยนลูกค้าให้กลายเป็นผู้ส่งเสริม)

เป้าหมาย: สร้างชุมชนของผู้นำแบรนด์

การสนับสนุนคือการที่ลูกค้าของคุณยินดีโปรโมตคุณเพราะพวกเขาได้รับประสบการณ์ที่ดี ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ไม่ค่อยมีใครใช้ แต่สามารถกลายเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนการเติบโตที่ทรงพลังที่สุดของคุณได้

กลยุทธ์หลัก:

  • โปรแกรมอ้างอิงและพันธมิตรพร้อมรางวัลอันทรงคุณค่า
  • แคมเปญ UGC (ส่งเสริมการรีวิว วิดีโอแกะกล่อง คำรับรอง)
  • สปอตไลท์ลูกค้า (นำเสนอลูกค้าบนเว็บไซต์/โซเชียลของคุณ)
  • โปรแกรม VIP หรือทูต
  • แคมเปญการสร้างรีวิว (Google, Trustpilot, LinkedIn)

ตัวอย่าง:

อีคอมเมิร์ซ: ลูกค้าโพสต์รีวิว TikTok เพื่อแลกกับรางวัล
แบบให้บริการ: ลูกค้าร่วมเป็นเจ้าภาพการสัมมนาทางเว็บเพื่อแบ่งปันผลลัพธ์ที่ทำได้กับหน่วยงานของคุณ

ทำไมจึงสำคัญ: การสนับสนุนทำให้การตลาดกลายเป็นวงจรที่ซ้ำซ้อน ลูกค้าแต่ละรายสามารถดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้นด้วยต้นทุนเพียงเศษเสี้ยวของต้นทุนการซื้อ

การสนับสนุนกลยุทธ์การตลาดเพื่อการเติบโต

ทำไมหน่วยงานส่วนใหญ่จึงมุ่งเน้นเฉพาะเรื่อง TOFU และ MOFU เท่านั้น

เอเจนซี่หลายแห่งยังคงมุ่งเน้นแค่เพียงผิวเผิน พวกเขาทำให้คุณได้รับคลิก อิมเพรสชัน และลีด แต่หากไม่มีโปรแกรมเพิ่มประสิทธิภาพและการรักษาลูกค้าแบบ BOFU แบรนด์ต่างๆ ก็ประสบปัญหาเรื่องผลกำไร

เหตุผลว่าทำไม:

  • การวัดผล TOFU/MOFU นั้นรายงานได้ง่ายกว่า (การเข้าถึง, ลูกค้าเป้าหมาย)
  • การแปลง/การรักษาต้องมีการบูรณาการที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น (CRM, การขาย, การชำระเงิน, ประสบการณ์ของลูกค้า - CX)
  • ROI แสดงช้าลงแต่จะทบต้นทบดอกเมื่อเวลาผ่านไป

ช่องว่างนี้คือจุดที่เอเจนซี่และแบรนด์ที่มีแนวคิดก้าวหน้าสามารถโดดเด่นได้

การนำทุกสิ่งมารวมกัน: เครื่องยนต์แห่งการเติบโต

การขยายธุรกิจไม่ได้หมายถึงการเพิ่มโฆษณา แต่เป็นการเพิ่มช่องทางการขายให้สูงสุด

Awareness การตระหนักรู้ - สร้างการเข้าถึง
Consideration การพิจารณาสร้างความไว้วางใจ
Retention การรักษาลูกค้า - สร้าง LTV
Advocacy การสนับสนุน - สร้างแรงผลักดัน

แบรนด์ที่สามารถเอาชนะได้ในระยะยาว คือ แบรนด์ที่สามารถผ่านทั้ง 5 ขั้นตอนได้

บทสรุป

ช่องทางการตลาดไม่ใช่แค่คำฮิตติดปาก แต่เป็นแผนที่นำทางสู่การเติบโต การมุ่งเน้นเฉพาะ TOFU และ MOFU เพียงอย่างเดียวจะทำให้เกิดผลกำไรมหาศาล การเพิ่มยอดขายและการรักษาฐานลูกค้าจะช่วยให้ธุรกิจสามารถปลดล็อกความสามารถในการทำกำไร ความสามารถในการขยายขนาด และความภักดีของลูกค้าในระยะยาวได้

หากคุณพร้อมที่จะสร้างช่องทางการขายที่ไม่เพียงแต่ดึงดูดลูกค้าเท่านั้น แต่ยังแปลงและรักษาลูกค้าไว้ได้อีกด้วย ก็ถึงเวลาที่ต้องคิดกลยุทธ์ใหม่และเริ่มปรับให้เหมาะสมในทุกขั้นตอนของการเดินทาง

กลับไปยังบล็อก

แสดงความคิดเห็น

1 จาก 3

ติดต่อเรารับกลยุทธ์ทางการตลาดฟรี!